ASA JOURNAL 11/2023
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
theme / review<br />
ABOVE THE LINE<br />
122 123<br />
ท่ามกลางตึกสูงระฟ้าที่แข่งกันตั้งตระหง่าน<br />
บริเวณพื้นที่ถนนหลังสวน ย่านพาณิชยกรรม<br />
สำาคัญที่ตั้งอยู่ด้านหลังสวนลุมพินี อันเป็นที่มา<br />
ของชื่อถนนในอดีต ทว่าในปัจจุบันกลับเป็น<br />
หนึ่งในพื้นที่ที่มีมูลค่าสูงที่สุดของประเทศไทย<br />
เป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์<br />
Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ที่ถูก<br />
ออกแบบโดยทีมสถาปนิกจาก Plan Architect<br />
ด้วยรูปทรงของสถาปัตยกรรมที่มีลักษณะ<br />
โค้งเว้า หยอกเย้าไปกับภูมิทัศน์ในสวน ซึ่ง<br />
เป็นพื้นที่สีเขียวของโครงการ ด้วยเส้นโค้ง<br />
คล้ายเกลียวคลื่นที่ตัดกับรูปทรงสี่เหลี่ยมของ<br />
ป่าคอนกรีตของตึกสูงรอบข้างอำานวยให้สถา-<br />
ปัตยกรรมมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์<br />
ชวนให้รำาลึกถึงถ้อยแถลงของ ฟิลิป จอห์นสัน<br />
สถาปนิกผู้ทรงอิทธิพลชาวอเมริกันที่กล่าวไว้ว่า<br />
“เราสามารถออกแบบและขึ้นรูปทรงอย่างไร<br />
ก็ได้ภายใต้โครงสร้างคอนกรีต ทำาไมเราถึง<br />
ต้องออกแบบสถาปัตยกรรมด้วยเส้นตรงทั้งๆ<br />
ที่ภายใต้เรือนร่างของมนุษย์นั้นไม่มีเส้นตรง<br />
คุณมักจะประหลาดใจอยู่เสมอเมื่อก้าวเข้าไป<br />
ในห้องที่ปราศจากเส้นตรง มันช่างน่าอัศจรรย์<br />
ใจที่คุณจะสัมผัสได้ว่าผนังโค้งเว้านั้นกำาลัง<br />
กำาลังสนทนากับคุณอยู่”<br />
ด้วยลักษณะของที่ตั้งโครงการที่วางตัวอยู่<br />
ระหว่างถนนหลังสวนกับซอยต้นสนส่งผลต่อ<br />
ข้อจำากัดในเรื่องของความสูงอาคาร ประกอบ<br />
เข้ากับในช่วงแรกทิศทางการออกแบบของ<br />
โครงการถูกกำาหนดให้เป็นโครงการที่พักอาศัย<br />
ที่หรูหรา (Luxury residence) มีกลุ่มเป้าหมาย<br />
เป็นผู้สูงอายุที่เคยถือครองที่ดินในบริเวณพื้นที่<br />
ย่านนี้และมีกำาลังซื้อ ส่งผลให้แนวทางการ<br />
พัฒนาสถาปัตยกรรมให้ความสำาคัญกับพื้นที่<br />
สวนขนาดใหญ่ และตัวอาคารมีลักษณะเป็น<br />
อาคารที่มีความสูงไม่มากนัก เพราะความสูง<br />
สัมพันธ์ต่อพฤติกรรมของผู้ใช้สอยสถาปัตย-<br />
กรรมผนวกเข้ากับความต้องการใกล้ชิดกับ<br />
ธรรมชาติของผู้บริโภค จึงสอดคล้องต้องกัน<br />
กับข้อกำาหนดความสูงทางกฎหมาย ก่อนที่<br />
ในเวลาต่อมาโครงการที่พักอาศัยดังกล่าวจะ<br />
เปลี่ยนโจทย์มาเป็นโครงการโรงแรมอย่างที่<br />
เห็นในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการ<br />
เปลี่ยนรูปแบบของโครงการมาเป็นโรงแรม<br />
แล้ว แต่ยังคงหัวใจของการสร้างพื้นที่กึ่ง<br />
ภายนอก (Semi-Outdoor) เอาไว้ดังเดิม ส่ง<br />
ผลให้เกิดภาพลักษณ์ของการเป็นโรงแรมใน<br />
สวนกึ่งเปิดโล่ง ‘Open Air City Hotel’ ที่เป็น<br />
เอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายใต้บริบทของพื้นที่<br />
ที่มีความหนาแน่นของย่านพาณิชยกรรมสูง<br />
“ด้วยความที่เราได้เคยพัฒนาโครงการนำาร่อง<br />
อย่าง Sindhorn Residence ทำาให้เราเข้าใจ<br />
ลักษณะเฉพาะตัวของย่านและกลุ่มลูกค้า ซึ่ง<br />
มักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำาลังซื้อสูง และกลุ่ม<br />
ชาวต่างชาติ ส่งผลให้ตัวโครงการ Sindhorn<br />
Kempinski Hotel Bangkok ถูกออกแบบมา<br />
ให้มีลักษณะพิเศษ ที่สร้างให้เกิดคุณลักษณะ<br />
การอยู่อาศัยร่วมกับสวน หรือ ‘Living in the<br />
Park’ ที่พัฒนามาเป็นหัวใจหลักของโครงการ”<br />
คุณวรา จิตรประทักษ์ สถาปนิกจาก Plan<br />
Architect กล่าวถึงที่มาของแนวทางการพัฒนา<br />
รูปแบบสถาปัตยกรรม ดังนั้นทีมออกแบบจึง<br />
นำาเส้นสายโค้งเว้าที่มีความสัมพันธ์กับต้นไม้<br />
ภายในสวนด้านนอกมาใช้กับส่วนที่สำาคัญที่สุด<br />
ของตัวอาคารคือ ‘Gateway Arch’ หรือซุ้มโค้ง<br />
ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นโครงสร้างแบบ Shell structure<br />
บริเวณโถงทางเข้า ที่ทำาหน้าที่เชื่อมพื้นที่<br />
ชั้นล่างเข้ากับพื้นที่สวน ซุ้มโค้งดังกล่าวเกิดขึ้น<br />
จากการหล่อโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก<br />
ขนาดใหญ่ด้วยคานคอนกรีตขนาดหน้าตัด<br />
2x2 เมตร เป็นตัวรับแรงถีบตัวของซุ้มโค้งเอา<br />
ไว้เป็นโครงสร้างหลัก เปรียบได้กับกระดูกที่<br />
หิ้วน้ำาหนักของซุ้มโค้งทั้งหมด พร้อมด้วยการ<br />
เสริมเหล็กจำานวนมากที่ช่วยให้คอนกรีตรับ<br />
แรงถีบตัวได้อย่างเหมาะสม ส่งผลให้เกิดพื้นที่<br />
ว่างใต้ซุ้มโค้งที่มีความกว้างถึง 60 เมตร ตัว<br />
พื้นผิวเป็นคอนกรีตเปลือยทั้งหมด เพื่อดำารง<br />
สุนทรียศาสตร์ของการเคารพในสัจจะของวัสดุ<br />
อย่างไรก็ตามด้วยข้อจำากัดของรูปทรงซุ้มโค้ง<br />
ส่งผลต่อการทำาปฏิกิริยาของคอนกรีต เนื่อง-<br />
จากในระหว่างที่คอนกรีตกำาลังแข็งตัวจะเกิด<br />
ปฏิกิริยาที่ทำาให้เกิดฟองอากาศคายตัวขึ้น<br />
บริเวณพื้นผิวด้านบน เป็นความท้าทายหนึ่ง<br />
ที่เกิดขึ้นเฉพาะกับการหล่อคอนกรีตโค้งคว่ำา<br />
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างจำาเป็นต้อง<br />
ผสมคอนกรีตสูตรพิเศษ ที่มีลักษณะเฉพาะตัว<br />
สำาหรับโครงการ จึงทำาให้คอนกรีตเปลือยของ<br />
โครงการมีสีที่เข้มกว่าปกติ โดยในแนวความ<br />
คิดแรกของการออกแบบส่วนพื้นที่ซุ้มโค้งนี้ถูก<br />
ออกแบบให้เป็นพื้นที่เปิดโล่ง แต่เมื่อโครงการ<br />
ถูกปรับไปเป็นโรงแรมทำาให้จำาเป็นต้องปิด<br />
กระจกเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวถูกใช้เป็นส่วนของ<br />
โถงต้อนรับอาคารที่จำาเป็นต้องมีการควบคุม<br />
สภาพอากาศภายใน<br />
ถัดขึ้นไปจากพื้นที่ซุ้มโค้งขนาดใหญ่ของชั้นล่าง<br />
คือส่วนของช่อง Atrium ขนาดใหญ่ที่เชื่อม<br />
พื้นที่ภายในของอาคารเข้าด้วยกันทั้งหมด<br />
ช่องแสงด้านบนได้รับการออกแบบให้เป็นกริล<br />
(Grille) ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบเพื่อ<br />
เปิดรับลมและแสงธรรมชาติเข้ามาสู่พื้นที่<br />
ภายในได้ และเป็นการสร้างระบบระบายความ<br />
ร้อนแบบ Stack Ventilation โถงขนาดใหญ่<br />
ดังกล่าวเป็นอีกหัวใจที่สำาคัญของตัวอาคารที่<br />
สร้างให้เกิดสภาวะกึ่งภายนอกขึ้นมาภายใน<br />
พื้นที่ทางเดินเข้าสู่ห้องพักตามแนวความคิด<br />
ของการออกแบบ เช่นเดียวกับการออกแบบ<br />
ครีบอาคารทั้งหมดที่โค้งเว้าสัมพันธ์คล้าย<br />
คลื่นในบริเวณระเบียงภายนอก ที่โครงการ<br />
สามารถใช้ประโยชน์จากความแตกต่างของ<br />
ส่วนโค้งเว้าเพื่อสร้างแสงและเงาที่แตกต่างกัน<br />
ออกไปในแต่ละยูนิต<br />
ด้วยเป้าประสงค์ที่โครงการมุ่งหวังให้เป็น<br />
สถาปัตยกรรมยั่งยืน (Sustainable achitecture)<br />
ที่ต้องการให้โครงการสามารถดำารงอยู่<br />
ได้อย่างน้อย 100 ปี ส่งผลให้ผู้ออกแบบได้ให้<br />
ความสำาคัญกับการรองรับความเปลี่ยนแปลง<br />
ของการใช้งานที่หลากหลายของแต่ละยูนิต<br />
การออกแบบระเบียงขนาดใหญ่ซึ่งมีความ<br />
แตกต่างไปจากลักษณะของ City hotel ทั่วไป<br />
ที่มักจะไม่ออกแบบระเบียง การออกแบบ<br />
ขนาดของช่องงานระบบ (Shaft) ที่มีขนาด<br />
ใหญ่เป็นพิเศษกว่าปกติ เพื่อรองรับการปรับ<br />
เปลี่ยนอาคารที่อาจถูกใช้เป็นอพาร์ทเม้นต์<br />
ในอนาคต โครงสร้างทั่วไปของโครงการนอก<br />
เหนือจากส่วนซุ้มโค้งด้านล่างใช้การก่อสร้าง<br />
พรีคาสท์คอนกรีต (Precast concrete) แบบ<br />
นั่งบนพื้นโครงสร้าง ไม่ใช่รูปแบบแปะหน้าพื ้น<br />
โครงสร้างที่ทำาโดยทั่วไป เนื่องจากผู้ควบคุมงาน<br />
ก่อสร้างคำานึงถึงความผิดพลาดต่อโครงสร้าง<br />
ที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต<br />
หากเราถอยออกมาพิจารณาตัวสถาปัตยกรรม<br />
ที่บริเวณพื้นที่สวนภายนอกจะพบว่าทีมผู้ออก-<br />
แบบได้สร้างรูปทรงโค้งขึ้นอีกสองส่วนคือส่วน<br />
กลางของอาคารที่เป็นสระว่ายน้ำากับส่วนบน<br />
ของอาคารที่ออกแบบให้เกิดเส้นอาคารโค้ง<br />
เว้ากลับด้านล้อกันกับซุ้มโค้งด้านล่าง โดยใน<br />
ส่วนของสระว่ายน้ำา ได้มีการออกแบบคาน<br />
ถ่ายน้ำาหนักเฉพาะ (Transfer beam) เพื่อลด<br />
จำานวนของเสาลง ทำาให้เกิดสระว่ายน้ำาแบบ<br />
‘Infinity pool’ ที่เปิดรับทัศนียภาพเข้ามาได้<br />
อย่างเต็มที่ เชื่อมโยงทิวทัศน์ของพื้นที่สวนใน<br />
โครงการ รวมถึงพื้นที่สวนลุมพินี สนามม้า<br />
ราชกรีฑาสโมสรได้เป็นอย่างดี พื้นผิวของ<br />
พื้นที่ส่วนสระว่ายน้ำากรุด้วยแผ่น Perforated<br />
stainless steel sheet โดยรอบของสระทรงรี<br />
ที่ทำาให้เกิดการสะท้อนทัศนียภาพโดยรอบ<br />
ส่วนพื้นที่ด้านล่างของสระว่ายน้ำาเป็นส่วนของ<br />
งานระบบ (Duct floor) ของโครงการที่ซ่อน<br />
เอาไว้อย่างแนบเนียน<br />
โครงการ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok<br />
เป็นหนึ่งในกรณีศึกษาทางสถาปัตยกรรม ที่<br />
03<br />
มุมมองจากสวน เป็นพื้นที่<br />
เปิดโล่งที่ช่วยส่งเสริม<br />
ให้เห็นลักษณะโค้งเว้า<br />
ราวเกลียวคลื่นอันเป็น<br />
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ<br />
สถาปัตยกรรม<br />
แสดงออกถึงการผสานการออกแบบโครงสร้าง<br />
คอนกรีตเสริมเหล็กรูปทรงโค้งขนาดใหญ่<br />
เข้ากับโครงสร้าง precast เพื่อเชื่อมพื้นที่ว่าง<br />
ที่ดำารงอยู่ระหว่างอัตถประโยชน์ใช้สอยภายใน<br />
เข้ากับพื้นที่สีเขียวภายนอก ภายใต้บริบทของ<br />
การเป็นโรงแรมกลางใจเมือง ในช่วงเวลาที่<br />
สังคมกำาลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และความ<br />
ต้องการพื้นที่สีเขียวเป็นหัวใจของการอยู่อาศัย<br />
ในศตวรรษที่ 21<br />
3