Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
สุขภาพที่บริษัทก่อขึ้น, เป็นเวลาเนิ่นนานหลายปี, จึงถูกกลบฝังไปพร้อมร่างเหยื่อที่เสียชีวิตเหล่านี้. ในปีพ.ศ.<br />
2538, หรือสองปีหลังจากปิดโรงงานโอซาสโค, บรรดาอดีตคนงานเริ่มรวมตัวกันและร่วมกันก่อตั้งองค์กรต่อสู้เพื่อ<br />
ให้สังคมยอมรับโรคที่เกิดจากแอสเบสตอส; รวมทั้งค้นหาวิธีรักษาและการเรียกร้องการชดเชยความเสียหายที่เกิด<br />
ขึ้น, ตลอดจนรณรงค์การห้ามใช้แอสเบสตอสในประเทศบราซิล -องค์กรที่พวกเขาได้ก่อตั้งขึ้น คือ อาเบรีย.<br />
<br />
ปฏิกิริยาของบริษัทเริ่มในทันทีและบริษัทได้จัดตั้งองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงคนงานและครอบครัวออก<br />
จากคดี โดยเกลี้ยกล่อมให้คนงานเซ็นสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลและรับเงินชดเชยจำนวนไม่มาก<br />
ร่วมกับการทำประกันสุขภาพตลอดชีวิตให้คนงาน, ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้จัดหาให้เอง แต่คนงานต้องสละสิทธิ์จากการ<br />
เรียกร้องตามกฎหมายใดๆในอนาคต. สัญญาประนีประนอมดังกล่าวยังเปิดช่องให้การเข้ารับบริการทางสุขภาพ<br />
สิ้นสุดลงในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือมีการห้ามใช้แอสเบสตอสในประเทศบราซิล, ทำให้คนงานและครอบครัว<br />
ของคนงานกลุ่มนี้กลายเป็นตัวประกันสำหรับการคงไว้ซึ่งการใช้แอสเบสตอสต่อไป.<br />
<br />
อิเทอร์นิตยืนยันกับนักข่าวว่า บริษัทได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวกับคนงานที่เคยอยู่ใน<br />
บริษัทแล้ว 3,000 ฉบับทั้งในกลุ่มโรงงานซีเมนต์แอสเบสตอสหลายแห่ง <br />
ตลอดจนเหมืองแอสเบสตอสในเครือ (เอส<br />
เอเอ็มเอ).<br />
<br />
กระทรวงสาธารณะของรัฐเซา เปาโล, ไม่พอใจการทำสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว, สหพันธ์<br />
ลิทิส (litis consortium) ร่วมกับอาเบรีย, ได้เสนอให้ฟ้องคดีในนามกลุ่มบุคคล [เออร์กา ออมเนส (erga<br />
omnes)] เหมือนกับที่เคยทำในตูริน. คดีนี้ร้องต่อศาลให้ชดเชยแก่เหยื่อ 2,500 คน, สำหรับความเสียหายทาง<br />
ร่างกายและความทุกข์ทางจิตใจ, และเรียกร้องให้บริการการดูแลและการรักษาพยาบาลตลอดชีวิตแก่ผู้ที่ป่วย.<br />
เป็นที่น่าเสียดาย, ในความล่าช้าของระบบศาลบราซิล, การฟ้องร้องถูกเลื่อนโดยไม่มีข้อยุติใดๆ, แม้ว่าการตัดสิน<br />
คดีของศาลในคดีแรกจะระบุว่าอิเทอร์นิตต้องรับผิดชอบต่อการทำความเสียหายให้แก่เหยื่อทั้ง 2,500 คน, แต่โชคร้าย<br />
ที่คำตัดสินของศาลอุทธรณ์, ได้พิพากษากลับ, และปล่อยให้บริษัทพ้นผิด, โดยยอมรับข้อแก้ต่างคดีว่า บริษัทได้<br />
ดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายแรงงานของบราซิลอยู่เสมอ, แม้จะไม่เพียงพอและไม่ทันสมัยในขณะนั้น แต่<br />
เอกสารเท่าที่ปรากฏมีแค่อนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 162 ในปี พ.ศ. 2534 เท่านั้น,<br />
ศาลเห็นว่าเท่าที่ปรากฏยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า บริษัทมีความผิด. แม้การยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาจะยังกระทำได้,<br />
แต่ต้องใช้เวลาหลายปี. ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น, เหยื่อแอสเบสตอสจำนวนมากคงเสียชีวิตหมดแล้ว.<br />
<br />
ด้วยการเปลี่ยนแปลง “ขอบเขตอำนาจศาล” จากศาลแพ่งไปสู่ศาลแรงงานตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ<br />
ฉบับที่ 45 เมื่อเดือน ธันวาคม พ.ศ. 2547, ซึ่งมีกระบวนการเร่งรัดการตัดสินคดีเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหาย<br />
อิเทอร์นิตในประเทศบราซิล | 157