Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Downloadหà¸à¸±à¸à¸ªà¸·à¸ - à¹à¸¥à¸´à¸ à¹à¸à¹ à¹à¸£à¹à¹à¸¢à¸«à¸´à¸
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
ระยะแรก”, ในขณะที่อีก 4 คนมีอาการ “น่าสงสัย”. อีก 13 คนไม่มีอาการใดๆเลย. ข้อสรุปคือ “ปรากฏชัดเจน<br />
ว่ามีอันตรายจากแอสเบสตอสในบริษัทอิเทอร์นิต”, และมีการแนะนำว่าจะต้องดำเนินการป้องกันในทันทีเพื่อ<br />
“ต่อสู้กับอันตรายจากฝุ่น” และหัวหน้าหน่วยแพทย์ของหน่วยงานควบคุมสิ่งแวดล้อมฯควรจะดำเนินการตรวจ<br />
โรงงานของอิเทอร์นิตแดนสค์[7].<br />
<br />
อย่างไรก็ดี ยังไม่ทันมีการดำเนินการใดๆ, วันที่ 9 เมษายน, กองทัพเยอรมนีได้เข้ายึดครองประเทศ<br />
เดนมาร์ก, ดังนั้น อิเทอร์นิตแดนสค์จึงถูกตัดขาดวัตถุดิบแอสเบสตอสตลอด 5 ปีต่อมา. แผนการป้องกันที่วางไว้<br />
จึงไม่จำเป็น, ขณะที่บริษัทได้พัฒนาซีเมนต์ไฟเบอร์ (fibre cement) ที่ปราศจากแอสเบสตอสภายใต้สิทธิบัตร<br />
ของเยอรมัน เรียกว่า เซ็มบริท (Cembrit) โดยใช้ไฟเบอร์เซลลูโลส (cellulose fibre) แทน ซึ่งบริษัทอ้างว่ามี<br />
“คุณภาพเลอเลิศ” เกือบจะทัดเทียมกับผลิตภัณฑ์จากแอสเบสตอส[8].<br />
<br />
ถึงกระนั้นก็ตาม, การใช้แอสเบสตอสก็ยังกลับคืนมาอีกจนได้หลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองในปีพ.ศ.2488,<br />
และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 หน่วยงานควบคุมสิ่งแวดล้อมฯได้มีหนังสือเป็นทางการมีผลทางกฎหมาย<br />
ถึงอิเทอร์นิตแดนสค์ สั่งการให้จัดหาหน้ากากป้องกันฝุ่นให้คนงานได้สวมใส่ขณะทำงานกับแอสเบสตอสแห้ง “โดย<br />
ไม่มีเงื่อนไข”. ในหนังสือฉบับนั้น ยังได้เร่งรัดให้บริษัทพัฒนา “วิธีการขนถ่ายและจัดการกับแอสเบสตอสโดย<br />
ปราศจากฝุ่น”[9]. ในหนังสือลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490, บริษัทตอบว่า, แม้ว่าผลจากการตรวจเอกซเรย์<br />
คนงานจะไม่พบว่าแอสเบสตอสมีผลต่อสุขภาพ, แต่บริษัทก็จะดำเนินการเรื่องหน้ากากกันฝุ่น. ไม่มีการระบุถึงการ<br />
พัฒนาวิธีการขนถ่ายและจัดการกับแอสเบสตอสโดยปราศจากฝุ่นแต่อย่างใด[10].<br />
<br />
ภายหลังสงคราม อิเทอร์นิตแดนสค์เติบโตอย่างมาก. การขยายการผลิตมีอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษ<br />
นับจากปี 2493 โดยมีแผ่นซีเมนต์แอสเบสตอสเป็นผลิตภัณฑ์หลัก. ผลก็คือ มีการนำเข้าและใช้แอสเบสตอสดิบ<br />
เพิ่มสูงขึ้นถึงประมาณ 10,000 ตัน[11]<br />
<br />
ทีมแพทย์ของหน่วยงานควบคุมสิ่งแวดล้อมฯมีความกังวลเมื่อเห็นบันทึกข้อมูลฝุ่น 3 ปี คือปี พ.ศ. 2492,<br />
2500 และ 2501 ที่ระบุว่าฝุ่นแอสเบสตอสฟุ้งกระจายในอากาศเข้มข้นสูงถึง 26 เท่าของค่าที่สหรัฐอเมริกากำหนด<br />
เพดานไว้ - แต่ก็ไม่มีการดำเนินการใดๆแม้ว่าทีมแพทย์ดังกล่าวจะได้แนะนำแล้ว[12]. ตลอดช่วงเวลาต่อมาอีก 20 ปี<br />
หน่วยงานควบคุมสิ่งแวดล้อมฯมิได้มีการดำเนินการใดๆ นอกจากได้มีหนังสือไปยังอิเทอร์นิตแดนสค์อีก 1 ฉบับ<br />
ในปี พ.ศ. 2503 เรียกร้อง “อย่างจริงจัง” ให้บริษัท “ตอบสนองทางบวก” ต่อคำแนะนำที่ให้พัฒนาวิธีการขนถ่าย<br />
และจัดการกับแอสเบสตอสโดยปราศจากฝุ่น. และในหนังสือฉบับนี้ก็ได้ตอกย้ำว่าเป็น “การสั่งการอย่างเด็ดขาด”<br />
ให้บริษัทดำเนินการใช้หน้ากากอย่างจริงจัง[13].<br />
<br />
192 | อิเทอร์นิตและคดีแอสเบสตอสที่ยิ่งใหญ่