cache
cache
cache
Create successful ePaper yourself
Turn your PDF publications into a flip-book with our unique Google optimized e-Paper software.
81<br />
วิจารณ<br />
1. ปจจัยที่มีผลตอการพัฒนาอาการสะทานหนาวของพืชสกุลกะเพรา<br />
สายพันธุและชนิดของเนื้อเยื่อพืชเปนปจจัยเบื้องตน ที่ทําใหพืชมีการตอบสนองตอ<br />
อุณหภูมิต่ําแตกตางกัน (Yang et al., 2001; Phakawatmongkol, 2004; Phomyou et al., 2005;<br />
Boonsiri et al., 2007) ในพืชสกุลกะเพรามีความแตกตางกันอยางชัดเจนในระหวางสายพันธุโดย<br />
ใบแมงลักมีความไวตออุณหภูมิต่ํามากที่สุด รองลงมาไดแกใบกะเพรา และใบโหระพามีความไวตอ<br />
อุณหภูมิต่ํานอยที่สุด ความรุนแรงของการเกิด CI มีผลตอการสูญเสียคุณภาพทางกลิ่นหรือเกิดกลิ่น<br />
ผิดปกติ โดยพบวาใบแมงลักมีกลิ่นลดลง และเกิดกลิ่นผิดปกติ หลังการเก็บรักษาที่ 4 o ซ นาน 48<br />
ชั่วโมง ขณะที่ใบโหระพาที่มีความไวตอ CI นอยกวามีกลิ่นของใบคงที่ (ภาพที่ 3)<br />
สารฟนอลิกเปนสารตั้งตนของการเกิดปฏิกิริยาในการเกิดสีน้ําตาลโดยเอนไซม PPO และ<br />
PAL และมีบทบาทเกี่ยวของกับความไวตอการเกิด CI ในผลไมและพืชผักหลายชนิด (Amiot<br />
et al., 1997) ในใบพืชสกุลกะเพราสายพันธุตาง ๆ มีปริมาณสารประกอบฟนอลิก และมีคุณสมบัติ<br />
ของการตานอนุมูลอิสระที่แตกตางกัน (Juiani and Simon, 2002) ซึ่งอาจมีผลตอการเปลี่ยนเปนสี<br />
น้ําตาลหลังการเก็บรักษาใบพืชสกุลกะเพราที่อุณหภูมิต่ํา จากผลการทดลองพบวาโหระพาใบแกมี<br />
ความไวตออุณหภูมิต่ํานอยกวา แตมีปริมาณสารประกอบฟนอลิกทั้งหมดสูงกวาใบแมงลักที่มีคา<br />
ดัชนีอาการสะทานหนาวที่มากกวา แสดงวาปริมาณสารประกอบฟนอลิกทั้งหมดไมใชเปนตัวปจจัย<br />
ที่กําหนดการเกิด CI ของพืชกลุมนี้ (ภาพที่ 13C) องคประกอบทางเคมีหรือปริมาณ essential oil<br />
เปนคุณสมบัติที่สําคัญของพืชสกุลกะเพรามีปริมาณแตกตางกันระหวางสายพันธุ และแหลงปลูก<br />
พืชสกุลกะเพราโดยสวนใหญมีปริมาณ essential oil ในใบสดประมาณ 0.5-1.4% แตในใบยี่หรา<br />
หรือโหระพาชาง (O. gratissimum) ซึ่งอยูในพืชสกุลกะเพรา มี essential oil สูงถึง 3.2-4.1% และ<br />
ไขมันที่พบเปนไขมันไมอิ่มตัวที่โครงสรางเปนโซยาว (Hiltuneh and Holm, 1999) ซึ่งผลการ<br />
ทดลองเบื้องตน (ไมแสดงขอมูล) พบวาใบยี่หรามีความทนตออุณหภูมิต่ํามากกวาใบพืชสกุล<br />
กะเพราชนิดอื่น แตเนื่องจากไมมีการปลูกโหระพาชางเปนการคา และพืชนี้มีการเจริญเติบโตชา<br />
ตองปลอยใหเจริญเติบโตขามป จึงไมไดเลือกพืชชนิดนี้ในการทดลอง ดังนั้นอาจเปนไปไดวาใน<br />
โหระพาใบสดอาจมี essential oil และไขมันไมอิ่มตัวมากกวาใบแมงลัก จึงทําใหใบโหระพามีความ<br />
ทนตออุณหภูมิต่ํามากกวาใบแมงลัก