cache
cache
cache
You also want an ePaper? Increase the reach of your titles
YUMPU automatically turns print PDFs into web optimized ePapers that Google loves.
อาการสะทานหนาว เมื่อเก็บรักษาที่อุณหภูมิที่ต่ํากวานั้น<br />
ในขณะที่<br />
สายชลและอรษา (2537) รายงาน<br />
วาการเก็บรักษาเงาะที่อุณหภูมิ<br />
8 องศาเซลเซียส เกิดอาการสะทานหนาวในวันที่<br />
6 ของการเก็บรักษา<br />
และเมื่อเก็บรักษาที่อุณหภูมิ<br />
10 องศาเซลเซียส เงาะเกิดอาการสะทานหนาวในวันที่<br />
8 ของการเก็บ<br />
รักษา โดยลักษณะขนและผิวเปลือกเงาะเปลี่ยนเปนสีน้ําตาลและดําในที่สุด<br />
อยางไรก็ตามอุณหภูมิต่ํา<br />
ที่สงผลใหเกิดอาการสะทานหนาวของผลไมแตละชนิดแตกตางกัน<br />
เนื่องจากผลไมแตละชนิดมีความ<br />
ทนทานตออุณหภูมิต่ําแตกตางกัน<br />
(Crisosto et al., 1996) เชน การเก็บรักษามะมวงพันธุน้ําดอกไมสี<br />
ทองที่อุณหภูมิ<br />
5, 13 และ 25 องศาเซลเซียส พบวา มะมวงที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ<br />
5 และ 13 องศา<br />
เซลเซียสเกิดอาการสะทานหนาวในวันที่<br />
5 และ 20 ของการเก็บรักษาตามลําดับ ในขณะที่อุณหภูมิ<br />
25 องศาเซลเซียสไมเกิดอาการสะทานหนาวตลอดระยะเวลาเก็บรักษา (Suwapanich and<br />
Haesungchareon, 2005) สวนการเก็บรักษาลิ้นจี่ที่อุณหภูมิ<br />
0 องศาเซลเซียส เกิดอาการสะทานหนาว<br />
ในวันที่<br />
21 ของการเก็บรักษา ในขณะที่ลิ้นจี่ที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิ<br />
3 องศาเซลเซียสไมเกิดอาการ<br />
สะทานหนาวจนกระทั่งสิ้นสุดอายุการเก็บรักษา<br />
(Hu et al., 2006) เปนตน<br />
ปจจัยที่เกี่ยวของกับการเกิดอาการสะทานหนาวขึ้นอยูกับ<br />
3 ปจจัยที่สําคัญคือ<br />
อุณหภูมิ<br />
ระยะเวลาที่ไดรับอุณหภูมิต่ําและชนิดของพืช<br />
อยางไรก็ตามมีวิธีการปฏิบัติหลายอยางที่สามารถลด<br />
อันตรายจากการเกิดอาการสะทานหนาว เชน การเก็บรักษาอุณหภูมิที่สลับระหวางอุณหภูมิที่เกิด<br />
อาการสะทานหนาวกับอุณหภูมิที่สูงกวาก็สามารถลดอาการสะทานหนาวไดเนื่องจากสันนิษฐานวา<br />
ในขณะที่เก็บรักษาที่อุณหภูมิต่ําจะทําใหเกิดการสะสมของแอลกอฮอลที่เปนพิษและกอใหเกิดอาการ<br />
ผิดปกติขึ้น<br />
แตเมื่อยายไปเก็บที่อุณหภูมิสูง<br />
แอลกอฮอลที่เปนพิษจะระเหยหายไปทําใหไมเกิดอาการ<br />
สะทานหนาว (จริงแท, 2546) นอกจากนี้บรรยากาศดัดแปลงที่มีปริมาณแกสออกซิเจนต่ําก็สามารถ<br />
ลดอาการสะทานหนาวได เนื่องจากออกซิเจนสามารถยับยั้งการทํางานของเอนไซมพอลิฟนอลออก-<br />
ซิเดสชวยลดอาการผิดปกติจากการเกิดสีน้ําตาลได<br />
อยางไรก็ตามความผิดปกตินี้อาจเกิดขึ้นแลว<br />
เพียงแตมองไมเห็นเทานั้น<br />
(เพ็ญวิภา, 2541) นอกจากนี้<br />
Pesis et al. (1994) พบวาการเก็บรักษาผล<br />
อะโวกาโดภายใตบรรยากาศที่มีแกสออกซิเจนรอยละ<br />
3 เปนเวลา 24 ชั่วโมงที่อุณหภูมิ<br />
17 องศา<br />
เซลเซียส สามารถชะลอการเกิดอาการสะทานหนาวไดและสามารถชวยชะลอการนิ่ม<br />
ทําใหอัตราการ<br />
หายใจและการผลิตเอทิลีนชาลง<br />
อาการสะทานหนาวที่เกิดขึ้นกับผลิตผลนั้นมีหลายลักษณะ<br />
เชน ผิวของผลิตผลเกิดรอย<br />
แผลสีน้ําตาลหรือดํา<br />
และอาจมีรอยบุมเนื่องจากเซลลบริเวณนั้นตายไป<br />
ผลอาจไมสุกแตไมแสดงผล<br />
อื่นๆใหเห็น<br />
เนื้อภายในอาจตายและเกิดเปนรอยแผลสีน้ําตาลขึ้นและอาจมีการสะสมแอลกอฮอล<br />
และ แอซีตอลดีไฮดภายในเนื้อ<br />
ทําใหรสชาติของผลิตผลผิดไป สําหรับอาการสะทานหนาวที่พบใน<br />
19