บ้านเรือนถิ่นไทยในช่วงเจ็ดทศวรรษ 2489-2559

ไม่ใช่เท่านั้น นายทักษิณยังมีแนวทางการหาเสียงที่
หลักแหลม ขณะที่นักการเมืองรุ่นเก่ามีแต่คำสัญญาใน
ระดับท้องถิ่น ส่วนนโยบายระดับชาติล้วนแล้วแต่คลุมเครือ
และไม่ชัดเจน นายทักษิณกลับชูนโยบายที่ชัดเจนและ
จับต้องได้ เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค การผ่อนผันหนี้
จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านละหนึ่งล้านบาท 4 ให้ชาวบ้านหยิบ
ยืม ที่น่าขันคือเขาอดไม่ได้ที่จะสัญญาว่าจะกวาดล้าง
การทุจริตคอรัปชั่นด้วย แต่ความน่าทึ่งอยู่ตรงที่
นอกจากเรื่องนี้แล้วเขาทำตามนโยบายที่รับปากไว้ได้
เกือบทุกข้อ จึงสมควรอยู่ที่เขาจะได้รับความนิยมจาก
ประชาชนอย่างล้นหลาม นอกจากนโยบายที่เป็นรูป
ธรรม เขายังเพิ่มสีสันด้วยกระแสความรักชาติ (ต่อต้าน
ไอเอ็มเอฟ ต่อต้านบริษัทค้าปลีกต่างชาติยักษ์ใหญ่) ซึ่ง
เป็นที่ถูกใจประชาชนคนหมู่มาก
แต่กรอบรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ก็ตระหนักถึง
อันตรายของรัฐบาลที่แข็งแกร่งจึงเพิ่มแนวทางป้องกัน
ขึ้นมา นั่นคือองค์กรอิสระต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ
และถ่วงดุลอำนาจของคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ
การเลือกตั้งจึงเป็นผู้จัดการเลือกตั้งแทนรัฐบาลซึ่งเคย
ทำหน้าที่นี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
entirely the Cabinet, for the following reasons.
In the rare intervals (1944–1947, 1975–1976, 1992–
1997) when Thailand had had untrammeled parliamentary
democracy, the majority of the National Assembly members
were rural “big men,” who dominated their localities through
their own patronage networks. Since elections cost
money – a great deal of money sometimes – financial
and patronage support was essential, rural “big men” came
to dominate politics at the local level. At the national
level, these “big men” and their allies from other provinces
would typically come together to form loose political parties,
sometimes factions within political parties. After a general
election, a number of these parties would come together
to form a coalition, which would then capture the
government. After capturing the government,they would
reap the benefits through corruption to recoup the costs
of the election. Alternatively, a better model, in my view,
is to state that the expected rents from being in government
determined the cost that politicians were willing to spend
to capture the office.
แห่งชาติมีอำนาจมากขึ้นในการสืบสวนคดีความทุจริต
และยื่นฟ้องต่อศาล นอกจากนั้นยังจัดตั้งศาลปกครอง
เพื่อคุ้มครองประชาชนจากการใช้อ ำนาจหน้าที่โดยมิชอบ
ของเจ้าหน้าที่รัฐ
ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2544
พรรคของนายทักษิณกวาดคะแนนเสียงไป 248 จาก
500 ที่นั่งในสภา เมื่อบวกกับจำนวน ส.ส. จากพรรค
พันธมิตร ทำให้เขาได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่และสามารถ
จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จ หลังจากได้ผลประโยชน์
จากรัฐธรรมนูญใหม่ เขากลับพยายามทำลายส่วนที่
เหลือของรัฐธรรมนูญด้วยการติดสินบนองค์กรอิสระ
ต่างๆ ที่ก่อตั้งขึ้นมาควบคุมการใช้อำนาจของรัฐบาล
2.2 ยุทธศาสตร์การพัฒนาแบบทวิวิถีของนายทักษิณ
นายทักษิณมองว่าตนเป็นผู้มี “วิสัยทัศน์” ไม่เหมือน
นักการเมืองทั่วไป หลังจากรับตำแหน่งได้สามเดือน
เขาได้กล่าวสุนทรพจน์กับคณะกรรมการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) (ทักษิณ, 2544)
โดยนายทักษิณแสดงความไม่เห็นด้วยที่ประเทศใน
เอเชียตะวันออกเอาการเติบโตของเศรษฐกิจไปผูกติด
The problem with these rural “bigmen” was that none
of them was big enough to have the chance of capturing
the majority in the country, and hence the government,
without entering into a coalition with other “big men.”
The result was a constant turnover of players in shifting
coalitions, and governments with policies that focused on
winning votes in particular localities (such as rural roads,
hospitals, and airports), rather than a national vote-winning
strategy to capture enough votes across the country to
capture the government and implement the said strategy.
Before Thaksin, there could have been individuals who
adopted this strategy, but they had to be extremely wealthy
to be sure of capturing at least half the country.
With the 1997 Constitution in place, the way was open
for Thaksin to enter the fray. The Constitution had a number
of features which would lower the cost of capturing a
majority in the country, such as the first-past-the-post
system in a single-member constituency. It is well-known
that such a system tends to favor politics dominated by
two large parties (Cox, 1997). Thaksin was and still is an
108