บ้านเรือนถิ่นไทยในช่วงเจ็ดทศวรรษ 2489-2559

42- ปัจจุบัน (พ.ศ. 2561) มีสถานะเป็นโรงมหรสพหลวงสำหรับจัดการ
แสดงต่างๆ รวมทั้งการฉายภาพยนตร์ และได้ผ่านการปรับปรุงใน พ.ศ.
2535 ทำให้จำนวนที่นั่งลดลงจากประมาณ 1,000 ที่นั่งเหลือเพียงราว
600 ที่นั่ง
43- ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการพระราชทานรัฐธรรมนูญนั้นมีหลายท่าน
เช่น สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระยากัลยาณไมตรี
(ดร.ฟรานซิส บี แซร์) และพระยาศรีวิศาลวาจา เป็นต้น
44- สมชาติ จึงสิริอารักษ์, สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกในสยาม
สมัยรัชกาลที่ 4 - พ.ศ. 2480, (กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์
พับลิชชิ่ง, 2553), หน้า 524.
45- ตั้งแต่ พ.ศ. 2477 - 2489 นั้น นายกรัฐมนตรีเกือบทุกคนเป็น
สมาชิกคณะราษฎร ยกเว้นระหว่างวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2488 - 31
มกราคม พ.ศ. 2489 ซึ่งผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ ม.ร.ว.เสนีย์
ปราโมช ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกของคณะราษฎร แต่เข้ามาทำหน้าที่เป็น
ผู้นำรัฐบาลในการเจรจาต่อรองกับฝ่ายสัมพันธมิตรเรื่องฐานะของ
ประเทศไทยภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
ได้เจรจาให้ประเทศหลุดพ้นจากข้อเสนอให้ประเทศไทยเป็นเมืองใน
อาณัติของประเทศอังกฤษได้สำเร็จ (https://th.wikipedia.org/wiki/
หม่อมราชวงศ์เสนีย์_ปราโมช)
46- สงครามโลกครั้งที่สองเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2482
- 2 กันยายน พ.ศ. 2488 และประเทศไทยประกาศสงครามกับฝ่าย
สัมพันธมิตรเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485
47- ประกาศรัฐนิยมฉบับที่ 1 ลงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ให้ใช้
ชื่อประเทศและประชาชนในภาษาไทยว่า “ไทย” ส่วนในภาษาอังกฤษ
ใช้ชื่อประเทศว่า “Thailand” ประชาชนและสัญชาติให้ใช้ว่า “Thai”
การเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคมนั้น เป็นประกาศของ
รัฐบาลลงนามโดยนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2483
and infrastructure was proposed since 1928 by a foreign advisor who
saw the urgency to do so, as stated in parts of a report according
to the following:
“The question of the development of the West Bank of the river
by extending to that area the amenities of life enjoyed by the East
Bank is one of increasing urgency ... I remarked that responsibility
of the government for developing roads, lighting, water, etc., on that
bank could not be put off much longer, ... and suggested that an
attempt might be made to find out what line that policy would follow.”
Ref: Porphant Ouyyanont. Op. cit; 108-109.
41.- Narth Bodhiprasart. (1946). Sathapattayakam nai prathet Thai
(in Thai). [Architecture in Thailand]. Phranakorn: Thai Khasem:
Rama VII, fig. 2.
42.- Sala Chalermkrung Royal Theatre is presently a venue for
holding traditional performing arts programs, concerts and other
events as well as screening movies. After a major renovation in
1992, the number of seats have been reduced from 1,000 to 600.
43.- Among those who disagreed with giving the people a full
constitution were Prince Damrong Rajanuphab, Francis B. Sayre,
and Phraya Srivisarnvaja.
44.- Somchart Chungsiriarak. (2010). Sathapattayakam baeb
tawan tok nai Siam samai ratchakan thi 4 – por sor 2480 (in Thai).
[Western Style Architecture in Siam from the period of King Rama
IV to 1937]. Bangkok: Amarin: 524.
45.- From 1934 – 1946, every Prime Minister was a member of the
People’s Party except for the post-war period from September 17,
ดังนั้น พ.ศ. 2483 จึงมีเพียง 9 เดือน
ส่วนการใช้อักขรวิธีไทยแบบใหม่นั้นเป็นประกาศสำนักนายก
รัฐมนตรี เรื่อง การปรับปรุงตัวอักษรไทย ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.
2485 แต่เมื่อจอมพล ป. พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปลาย
พ.ศ. 2487 รัฐบาลชุดใหม่ก็ได้ประกาศยกเลิกและกลับไปใช้อักขรวิธี
ไทยแบบเดิม
48- ผาสุก พงษ์ไพจิตร และคริส เบเกอร์, เศรษฐกิจการเมืองไทยสมัย
กรุงเทพฯ, (กรุงเทพฯ : ชิลค์เวอร์ม บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่สาม, 2546),
หน้า 147.
49- เรื่องเดิม, หน้า 150-151.
50- เรื่องเดิม, หน้า 149.
51- ใน พ.ศ. 2495 รัฐบาลได้เปลี่ยนชื่อมหาวิทยาลัยเป็น “มหาวิทยาลัย
ธรรมศาสตร์”
52- “ม.ธ.ก.” The University of Moral and Political Sciences หรือ
UMPS
53- ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการก่อสร้างวังอัศวินที่ชัดเจน
54- สังคมไทยเชิงประเพณีในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์นั้นไม่มี
ชนชั้นกลาง เพราะแบ่งชนชั้นในสังคมเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ เจ้านาย (the
Royalty) ขุนนางและข้าราชการ (Peers and ranked officers) ไพร่
(Corvée) และ ทาส (Slaves) อีกนัยหนึ่งมี 2 กลุ่มใหญ่คือ ชนชั้น
ปกครอง (เจ้านาย ขุนนาง และข้าราชการ) และชนชั้นแรงงาน (ไพร่
และทาส) แต่ตามแนวคิดตะวันตกนั้นอธิบายว่า ชนชั้นกลางคือกลุ่ม
คนที่อยู่ระหว่างชนชั้นปกครอง (Ruling elites) และชนชั้นแรงงาน
(Labourers) และชนชั้นกลางจะเติบโตขึ้นตามขนาดของการเติบโต
ทางเศรษฐกิจของแต่ละสังคม อีกนัยหนึ่งการเติบโตของชนชั้นกลาง
จะมีความสัมพันธ์กับพัฒนาการของทุนนิยมและการค้าเสรี ตลอดจน
การเมืองในระบอบประชาธิปไตย
1945 to January 31, 1946 when Mom Ratchawong Seni Pramoj,
who was not a member, headed the government to negotiate with
the Allied Nations regarding Thailand’s position after the end of the
Second World War. As a consequence, the country was free of
obligations to be under British control.
46.- World War II took place from September 1, 1939 to September
2, 1945. Thailand joined the Axis side and declared war against
Allied Nations on January 25, 1942.
47.- The First Mandate of the State Customs policy issued on
June 24, 1939 stipulated that the country shall be called Thailand
(formerly Siam), and the people called Thai.
Government announcement changing the calendar year to begin
on 1st of January was issued on December 24, 1940. Previously,
the New Year began in April. Therefore the year 1940 had only
nine months, as the last 3 months became the first 3 months of
the new year instead.
Changes to Thai alphabets and spelling system was regulated
by the Prime Minister’s Office Announcement on May 29, 1942.
However, after the Pibulsonggram government, the new government
rescinded the announcement and reverted to the use of the former
system at the end of 1944.
48.- Pasuk Phongpaichit and Chris Baker. (2003). Setthakit karnmueang
Thai samai Krungthep (in Thai). [Thai Economy and Politics in the
Bangkok Period]. Bangkok: Silkworm Books, 3rd printing: 147.
49.- Ibid; p.150-151.
50.- Ibid; p.149.
229