บ้านเรือนถิ่นไทยในช่วงเจ็ดทศวรรษ 2489-2559

สถานกงสุลและขอให้คนในบังคับสหราชอาณาจักรอยู่
ใต้กฎหมายสหราชอาณาจักร ซึ่งข้อหลังนี้คือก้าวแรก
ของสัญญาสิทธิสภาพนอกอาณาเขต แต่ข้อเรียกร้อง
ของสหราชอาณาจักรถูกทางสยามปฏิเสธทุกข้อ ทูตจึง
กลับไปรายงาน ลอร์ด ปาลเมอร์สตัน เสนาบดีกระทรวง
การต่างประเทศให้จัดการขั้นเด็ดขาดกับประเทศสยาม
ในขณะที่เหตุการณ์กับสหราชอาณาจักรเริ่มเข้าสู่
วิกฤต พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จ
สวรรคตเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2394
สมัยอิทธิพลตะวันตก (ร.4 - ร.8 พ.ศ. 2394 - 2489)
สมัยรัชกาลที่ 4
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 2394 - 2411 น่าสังเกตว่าใน
ปีแรกของการขึ้นครองราชย์คือ พ.ศ. 2394 (ค.ศ. 1851)
นั้นตรงกับปีที่ประเทศอังกฤษจัดให้มีการแสดงนิทรรศการ
ซึ่งเรียกว่า “The Great Exhibition” ขึ้นในลอนดอน
เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติ
อุตสาหกรรม นิทรรศการนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะแสดงให้เห็นถึง
such as New Orleans, Louisiana, and Missouri. Meanwhile
a similar style widely adopted in Singapore, which was
a British colony during the same period, was called the
Bungalow.
Signing agreements on amity and trade with Britain
in 1826 and the United States in 1833 was considered
to be an early diplomatic development that took place
between Siam and the two western powers. However,
the counterparts were not quite satisfied with the trade
monopoly practiced by the Siamese Court. Hence the
United States initiated yet another diplomatic attempt by
sending a new envoy, a certain Joseph Balestier, to Siam
in 1850 to negotiate on tax system and the setting up of
an American consulate in Bangkok. This turned out to be
unsuccessful as the Siamese aristocrats found the new
envoy’s attitude and behavior offensive and thus refused to
negotiate. Consequently Balestier left Siam in April of 1850.
Four months following that, Sir James Brooks arrived
from Britain to discuss amendments to the existing
British-Siamese agreement. Britain’s demands included
จิตวิญญาณของสังคมสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมอุตสาหกรรม
และมีความก้าวหน้าในเชิง “เครื่องจักรกล วิทยาการ
และรสนิยม” ขณะเดียวกันก็เท่ากับเป็นการประกาศ
ตัวเป็นผู้นำของสหราชอาณาจักรในสังคมอุตสาหกรรม
อีกด้วย ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเครื่องจักรกลนั้น
มีความสัมพันธ์กับการพัฒนาขีดความสามารถของยุทธ
ปัจจัยทางการทหารอย่างแน่นอน ซึ่งเห็นได้จากสงคราม
ระหว่างอังกฤษกับพม่าและจีนระหว่างรัชกาลที่ผ่านมา
ซึ่งอังกฤษเป็นฝ่ายมีชัยชนะ และไทยเองก็เข้าใจสภาพ
ความแตกต่างทางด้านการทหารระหว่างไทยกับอังกฤษ
และชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่นๆ ได้ดี จึงเห็นควรให้
มีการปรับเปลี่ยนท่าทีทางการทูตที่มีต่อชาติตะวันตก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมี
นโยบายด้านการค้ากับชาติตะวันตกที่แตกต่างจากรัชกาล
ที่ 3 โดยสิ้นเชิง ทรงเน้นในเรื่องการรักษาอธิปไตยของ
ชาติเป็นหลัก ส่วนการเจรจาเรื่องการค้ากับสหราช
อาณาจักรนั้นเห็นควรให้มีการ “ผ่อนสั้น ผ่อนยาว” จะ
ดีกว่าที่จะชักศึกเข้าบ้าน ฉะนั้นพระราชภารกิจสำคัญที่
ทรงกระทำเป็นอันดับแรกเมื่อทรงขึ้นครองราชย์คือการ
ที่ทรงพระราชหัตถเลขาไปถึงผู้ว่าราชการปีนังให้แจ้งแก่
tax exemptions, setting up a British consulate, and that
all British subjects residing in Siam be exempted from the
local judicial laws while abiding by the British laws and
regulations. This was the first of Britain’s attempt to sign
extraterritorial rights agreement with Siam. The mission
proved futile as all demands were rejected. Brooks returned
to England and reported this to Lord Palmerston, the British
Minister of Foreign Affairs, and suggested that firm and
decisive actions be taken against Siam.
As the situation became increasingly tense and critical,
King Rama III passed away on the 2 nd of April 1851.
PERIOD OF WESTERN INFLUENCE (Rama IV – Rama
VIII) from 1851 – 1946
King Mongkut (Rama IV) reigned from 1851 to 1868.
It is interesting to note that coincidental to the first year
of his reign, “The Great Exhibition” was held in London to
celebrate the 100 th Anniversary of the Industrial Revolution.
The aim of the event was to celebrate the spirit of the
153