บ้านเรือนถิ่นไทยในช่วงเจ็ดทศวรรษ 2489-2559

หลังคา แผ่นที่ใหญ่กว่าช่วยให้มีรอยต่อที่น ้ำฝนจะรั่ว
ซึมน้อยลง ส่งผลให้สามารถลดความชันของหลังคาได้
มากกว่าการมุงหลังคากระเบื้องดินเผาของเรือนไทยพื้น
ถิ่น โดยทั่วไปความลาดชันของหลังคาเรือนไทยพื้นถิ่น
ภาคต่างๆ อยู่ระหว่าง 35 - 60 องศา หลังคาของเรือน
โคโลเนียลที่มุงกระเบื้องว่าวมักมีความชันอยู่ระหว่าง
30 - 35 องศาเท่านั้น
กระเบื้องหลังคาซีเมนต์ไม่ได้ป้องกันการรั่วซึมของ
น้ำฝนด้วยการซ้อนทับกันของแผ่นกระเบื้องที่ปูสลับทับ
กันหลายชั้นแบบกระเบื้องอีเทอร์นิตหรือกระเบื้องดินเผา
เนื่องจากมีความหนาแผ่นมากกว่ากระเบื้องทั้งสอง
อยู่แล้ว แต่ใช้ประโยชน์ของซีเมนต์ที่หล่อขึ้นรูปได้ไม่ยาก
ด้วยการยกขอบส่วนบนของแผ่นกระเบื้องขึ้นเล็กน้อย
เพื่อกันน้ำฝนที่อาจไหลย้อนและซึมลงที่รอยต่อแผ่น
ขณะเดียวกันส่วนของแผ่นด้านล่างมีการทำขอบคว่ำลง
เพื่อเกี่ยวประกบกับขอบด้านบนของแผ่นที่อยู่ถัดลงมา
ด้านล่าง ให้น้ำไหลลงแผ่นล่างและกั้นไม่ให้น้ำไหลย้อน
ขึ้นด้านบนอีกชั้นหนึ่ง
เทคโนโลยีของการหล่อซีเมนต์เป็นแผ่นกระเบื้อง
หลังคาง่ายกว่าการผลิตกระเบื้องดินเผามาก ปูนซีเมนต์
Comparing to clay tiles, cement tiles are heavier; but
with their larger size, the battens can be placed
wider apart. This way the structure can be reduced.
The larger size help reduce the leaking rainwater
through the gaps between the tiles and the pitch of
the roof can be lower than traditional Thai house roof
with clay tiles. In general, the pitch of Ruean Thai
roofs in every region ranged between 35-60 degrees
while the pitch of the Colonial house roof with kite
tiles could be only 30-35 degrees.
Since cement tiles were thicker than Eternit and
clay tiles, it was not necessary for them to be installed
in several layers to prevent leaking. As they could
be moulded easily, the upper edge was slightly raised
to prevent rainwater from going upward and leaking
through the gaps while the lower edge was slightly
bent downward to attach to the lower tile. This helps
enhance the drainage and stop the upward flow.
Moulding cement tiles is much easier than baking
ที่ผสมเสร็จใหม่ๆ มีลักษณะเป็นของผสมหนืดสามารถ
เทลงแบบหล่อเป็นรูปต่างๆ ได้ เมื่อทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง
ปูนหล่อซีเมนต์จะคายความร้อนและทำปฏิกิริยาทางเคมี
เปลี่ยนเป็นของแข็งเมื่อแห้งสนิท กระบวนการผลิตกระเบื้อง
ซีเมนต์จึงสะดวก ง่ายกว่ากระเบื้องดินเผาที่ต้องเผา
ดินในเตาด้วยความร้อน และมีราคาถูกกว่า ส่งผลให้
กระเบื้องว่าวเป็นวัสดุมุงหลังคาที่แพร่หลาย พร้อมกับ
การมาของแบบแผนบ้านโคโลเนียลจากชาวตะวันตก
จากเรือนสมัยใหม่ถึงเรือนร่วมสมัย: คอนกรีต ซีเมนต์
ใยหิน และคอนกรีตเสริมเหล็ก
พัฒนาการของเรือนพักอาศัยในประเทศไทยเริ่มเปลี่ยน
ไปอีกครั้ง เมื่อนักเรียนไทยรุ่นแรกที่ไปเรียนสถาปัตยกรรม
ในประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกลับมาทำงานออกแบบ
อาคาร และก่อตั้งคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย ซึ่งเปิดสอนวิชาสถาปัตยกรรมเป็นครั้งแรก
ในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2476 สถาปนิกนักเรียนนอก
กลุ่มนี้เริ่มนำแบบแผนและรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัย
ใหม่ช่วงต้น (Early Modern architecture) ที่เริ่มแพร่
ceramic tiles. Freshly mixed cement was sticky and
mouldable. While the mixture was setting, it released
out heat; and as it became completely dry, it turned
solid due to the chemical reaction. This made the
production of cement tiles a lot more simple and
cheaper than clay tiles which required baking with
high heat. Kite tiles then became famous with the
arrival of the Colonial style.
From Modern Houses to Contemporary Houses: Concrete,
Fiber-reinforced Cement, and Reinforced Concrete
Houses in Thailand evolved once again when the
first group of Thai students who had been studying
Architecture in Britain and France returned home
after graduation. They began to work as architects
and founded the Faculty of Architecture at
Chulalongkorn University in 1933. These architects
imported the Early Modern Architecture trend which
256