บ้านเรือนถิ่นไทยในช่วงเจ็ดทศวรรษ 2489-2559

แบบ Art Deco โดยใช้สัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับคณะราษฎร
และวันปฏิวัติมาเป็นเงื่อนไขในการออกแบบ เช่น เลข 6
ของหลัก 6 ประการ และเลข 24 มิถุนายน 2475
ตลอดจนการจัดวางพานรัฐธรรมนูญเป็นองค์ประกอบ
ที่สำคัญที่สุดของอนุสาวรีย์ นอกจากนี้แล้วจอมพล ป.
ยังได้กำหนดให้ถนนสายต่างๆ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคม
จากกรุงเทพฯ ไปยังต่างจังหวัดเริ่มนับระยะทางโดยใช้
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นต้นทาง (กิโลเมตรที่ศูนย์)
อีกด้วย
การปรับปรุงถนนราชดำเนินกลางเป็นการนำพื้นที่
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มา
ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เป็นพื้นที่ซึ่งแสดงสัญลักษณ์ของ
รัฐไทยใหม่ ซึ่งมีความเจริญก้าวหน้า ทันสมัย และมีความ
เป็นสากล โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
ซึ่งหมายถึงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้
กฎหมายรัฐธรรมนูญ และอำนาจการนำของคณะราษฎร
ทั้งนี้โดยการใช้งานสถาปัตยกรรมและงานศิลปกรรม
เป็นเครื่องมือในการสื่อสารความหมาย นอกจากนี้แล้ว
รัฐบาลยังได้ใช้โครงการปรับปรุงถนนราชดำเนินกลาง
ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เพื่อเป็นมาตรการ
the first building in Thailand to be designed according to
the principles of Modernism during the period of absolute
monarchy, around 1932. After the change in the ruling
system, the People’s Party government had many important
building projects built in the style of Modern architecture
to project the image of the modern Thai State. Apart
from public buildings, houses also began to appear in the
Modern style around the same time. The main residence or
Tamnak Yai building at Asawin Palace designed by Ercole
Manfredi (alias Ekarit Manfendi) an Italian architect, was
presumably built around the end of the period of Rama VII
or the beginning of Rama VIII 53 while Manfredi’s own house
in Soi Asoke on Sukhumvit Road, also in the Modernist
style, was built in 1935.
Tamnak Yai Residence at Asawin Palace: On the
corner of Ratchavithi Road at Tuek Chai Intersection, this
building was the residence of Prince Bhanubandhu Yugala,
and presently, its grounds is part of Phra Mongkut Klao
College of Medicine’s compound.
The building resembled a plain box with flat roof,
ในการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยอีกด้วย
อาคารพักอาศัย ในสมัยรัชกาลที่ 8 อาคารที่มี
ลักษณะเป็นคฤหาสน์ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหรา หรือบ้าน
ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีสถานะทางสังคมที่
เหนือกว่าของชนชั้นสูงหายไป บ้านของสามัญชนทั่วไป
นิยมปลูกบ้านไม้สองชั้นแบบเรียบง่าย การตกแต่งด้วย
ลวดลายฉลุไม้น้อยลง นิยมหลังคาจั่วหัวตัดซึ่งเป็น
แนวโน้มที่สืบเนื่องมาจากสมัยรัชกาลที่ 7
อิทธิพลงานสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในงานออกแบบ
อาคารพักอาศัย ศาลาเฉลิมกรุงเป็นอาคารหลังแรกใน
สยามที่สร้างขึ้นในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ตามหลัก
การของสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ในราว พ.ศ. 2475 และ
หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครองรัฐบาลคณะราษฎร
ก็ได้สร้างอาคารสำคัญหลายโครงการในแบบสถาปัตยกรรม
สมัยใหม่เพื่อแสดงความทันสมัยของรัฐไทยใหม่
ซึ่งนอกจากความทันสมัยของงานสถาปัตยกรรมประเภท
อาคารสาธารณะแล้ว ในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็เริ่ม
ปรากฏงานอาคารพักอาศัยที่เป็นงานแบบสถาปัตยกรรม
สมัยใหม่ขึ้นเช่นเดียวกัน เช่น ตำหนักใหญ่ วังอัศวิน
ออกแบบโดยนายเอร์โคเล่ มันเฟรดี้ หรือ นายเอกฤทธิ์
bare walls and no decorative elements. Certain parts
of the building had long horizontal strip of large glass
fenestration that showed the reinforced concrete post-andbeam
structure, and was a dominant feature of Modern
architecture. As such, the new Modern style houses were
easy to build, inexpensive, comfortable to live in and have
spatial arrangements that are functional and convenient.
The International Style of Modern architecture has
developed since the second half of the 19th century to
suit the middle class 54 lifestyle of the capitalistic industrial
society. This collective group of working people were
mainly concerned with having good quality of life, modern
conveniences, and quick and efficient services.
Tamnak Yai Residence at Asawin Palace therefore
represented what was to follow and a sign of the growing
capitalism along with the growth of the middle class sector
that became the steering mechanism of the modern Thai
society. These middle-class people have adopted the
western way of life and lived in western style houses
which became the prominent style that prevailed during
218